Skip to content

Commit

Permalink
Apply news
Browse files Browse the repository at this point in the history
  • Loading branch information
wannaphong authored and actions-user committed Jan 16, 2025
1 parent 17cd4f0 commit 9ec0e2f
Show file tree
Hide file tree
Showing 46 changed files with 664 additions and 1 deletion.
6 changes: 6 additions & 0 deletions data/2025/01/16/_1_6282a4c7-88d1-484d-8191-27a322159993.txt
Original file line number Diff line number Diff line change
@@ -0,0 +1,6 @@
รัฐบาลไทย-


วันพฤหัสบดีที่ 1 มกราคม 2513

ที่มา : https://www.thaigov.go.th/news/contents/details/92448

Large diffs are not rendered by default.

Original file line number Diff line number Diff line change
@@ -0,0 +1,13 @@
รัฐบาลไทย-ข่าวทำเนียบรัฐบาล-​เช็กด่วนมาตรการลดภาษีบุคคลฯ เริ่มแล้ววันนี้ Easy-Receipt 2.0” เริ่มใช้จ่าย 16 ม.ค. – 28 ก.พ. 68


วันพฤหัสบดีที่ 16 มกราคม 2568
16/01/2568
พิมพ์
​เช็กด่วนมาตรการลดภาษีบุคคลฯ เริ่มแล้ววันนี้ Easy-Receipt 2.0” เริ่มใช้จ่าย 16 ม.ค. – 28 ก.พ. 68
​เช็กด่วนมาตรการลดภาษีบุคคลฯเริ่มแล้ววันนี้ Easy-Receipt 2.0” เริ่มใช้จ่าย 16 ม.ค. – 28 ก.พ. 68 อย่าลืมขอใบกำกับภาษีเต็มรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ นำมาลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาปี 68 สูงสุด 50,000 บาท
วันนี้ (16 มกราคม 2568) นางสาวศศิกานต์ วัฒนะจันทร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติหลักการ มาตรการ Easy E-Receipt 2.0 ให้ประชาชนนำค่าใช้จ่ายในการซื้อสินค้าหรือบริการไปหักลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาปี 2568 ได้ตามที่จ่ายจริง สูงสุด 50,000 บาท แบ่งเป็นค่าใช้จ่ายในร้านค้าทั่วไป 30,000 บาท และค่าใช้จ่ายในวิสาหกิจชุมชน ร้านค้า OTOP 20,000 บาท กรณีร้านค้าไม่ได้จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มจะต้องเป็นสินค้าประเภทหนังสือ ค่าบริการ E-Book สินค้า OTOP สินค้าและบริการจากวิสาหกิจชุมชน โดยเริ่มใช้จ่ายตั้งแต่วันที่ 16 มกราคม – 28 กุมภาพันธ์ 2568  และใช้หลักฐานเป็นใบกำกับภาษีเต็มรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ ผ่านระบบใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์ และใบรับอิเล็กทรอนิกส์ คือ e-Tax Invoice และ e-Receipt ของกรมสรรพากร เท่านั้น
นางสาวศศิกานต์ กล่าวว่า  "มาตรการภาษี Easy E-Receipt 2.0" เป็นการต่อยอดจากมาตรการเดิมที่ประสบความสำเร็จในปี 2567 โดยมีเป้าหมายเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านการใช้จ่ายของประชาชน รวมถึงส่งเสริมการใช้ระบบอิเล็กทรอนิกส์ ก้าวสู่ยุคดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบ ภายใต้มาตรการนี้ ผู้เสียภาษีสามารถลดหย่อนภาษีจากค่าใช้จ่ายตามจำนวนที่จ่ายจริงได้สูงสุดไม่เกิน 50,000 บาท โดยแบ่งออกเป็น 1.ลดหย่อนสูงสุด 30,000 บาท ซื้อสินค้าหรือบริการจากร้านค้าที่ออกใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์ (e-Tax Invoice) ใบรับอิเล็กทรอนิกส์ (e-Receipt)             2. ลดหย่อนเพิ่มเติมอีก 20,000 บาท ต้องใช้หลักฐาน e-Tax Invoice หรือ e-Receipt เช่นกัน ซื้อสินค้าหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ (OTOP) สินค้าหรือค่าบริการที่จ่ายให้แก่วิสาหกิจชุมชน สินค้าหรือค่าบริการที่จ่ายให้แก่วิสาหกิจเพื่อสังคม ทั้งนี้ การซื้อสินค้าหรือค่าบริการตามข้อ 2 สามารถใช้สิทธิลดหย่อน 30,000 บาท ตามข้อ 1 ได้เช่นกัน โดย e-Tax Invoice และ e-Receipt ต้องระบุชื่อ นามสกุล และเลขประจำตัวผู้เสียภาษีอากร (เลขประจำตัวประชาชน) ของผู้ซื้อสินค้าหรือผู้รับบริการ
“มาตรการนี้นอกจากจะช่วยลดภาระภาษีให้กับประชาชนแล้ว ยังมีส่วนช่วยในการกระตุ้นเศรษฐกิจไทยในภาพรวม คาดว่าจะสามารถสร้างเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจได้เป็นจำนวนมาก ทั้งนี้ ปัจจุบันมีผู้ประกอบการเข้าร่วมระบบ e-Tax Invoice และ e-Receipt จำนวน 12,395 ราย โดยมีร้านค้ารวมทั้งสิ้น 108,873 ร้านค้า แบ่งเป็น e-Tax Invoice & e-Receipt จำนวน 101,297 ร้านค้า และ e-Tax Invoice by Time Stamp จำนวน 7,576 ร้านค้า สำหรับร้านค้าที่ต้องการใช้ระบบ e-Tax Invoice หรือ e-Receipt สามารถติดต่อสำนักงานสรรพากรพื้นที่ที่ร้านค้าตั้งอยู่ หรือศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.rd.go.th หรือศูนย์สารนิเทศสรรพากร (RD Intelligence Center) โทร. 1161” นางสาวศศิกานต์ ระบุ

ที่มา : https://www.thaigov.go.th/news/contents/details/92423
Original file line number Diff line number Diff line change
@@ -0,0 +1,13 @@
รัฐบาลไทย-ข่าวทำเนียบรัฐบาล-“คารม” เผย รัฐบาลสนับสนุนเยาวชนพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจ 5 จชต. เข้าถึงการศึกษาอย่างเท่าเทียม จัดสรรทุนการศึกษา มอบโอกาสศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษา รีบสมัครด่วนถึง 7 ก.พ. 68 นี้


วันพฤหัสบดีที่ 16 มกราคม 2568
16/01/2568
พิมพ์
“คารม” เผย รัฐบาลสนับสนุนเยาวชนพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจ 5 จชต. เข้าถึงการศึกษาอย่างเท่าเทียม จัดสรรทุนการศึกษา มอบโอกาสศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษา รีบสมัครด่วนถึง 7 ก.พ. 68 นี้
“คารม” เผย รัฐบาลสนับสนุนเยาวชนพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจ 5 จชต. เข้าถึงการศึกษาอย่างเท่าเทียม จัดสรรทุนการศึกษา มอบโอกาสศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษา รีบสมัครด่วนถึง 7 ก.พ. 68 นี้
วันนี้ (16 มกราคม 2568) นายคารม พลพรกลาง รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ตั้งแต่พื้นฐานการดูแลสวัสดิการในทุกช่วงวัย มุ่งให้เด็กและเยาวชนทุกคนได้รับโอกาสเข้าถึงการศึกษาอย่างเท่าเทียม ก้าวทันกับความเปลี่ยนแปลงของโลก เพื่อเป็นรากฐานการพัฒนาประเทศที่ยั่งยืน โดยเฉพาะในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ อันประกอบด้วยจังหวัดปัตตานี นราธิวาส และยะลา
นายคารม กล่าวว่า รัฐบาล โดยกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ดำเนินโครงการทุนอุดมศึกษาเพื่อการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ระยะที่ 4 ปีการศึกษา 2566 - 2570 เพื่อเป็นการสนับสนุนให้เยาวชนในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้มีโอกาสศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษา ซึ่งจะจัดสรรทุนการศึกษาให้แก่ผู้รับทุนปีการศึกษาละ 500 ทุน แบ่งเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มที่ 1 สำหรับนักเรียนที่ไม่สามารถสอบเข้าศึกษาในสถาบันอุดมศึกษาได้ และกลุ่มที่ 2 สำหรับนักเรียนที่สามารถสอบเข้าศึกษาในสถาบันอุดมศึกษาได้ ทั้งนี้ กระทรวง อว. ได้สำรวจสาขาวิชาขาดแคลนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งเป็นกลุ่มสาขาวิชาที่เป็นความต้องการหลักและมีความจำเป็นต่อการพัฒนาพื้นที่และประเทศ เพื่อประกาศรับสมัครผู้รับทุนการศึกษาใน 6 กลุ่มสาขาวิชา ได้แก่ 1. แพทยศาสตร์ สัตวแพทยศาสตร์ ทันตแพทยศาสตร์ 2. สาธารณสุขศาสตร์ พยาบาลศาสตร์ เภสัชศาสตร์ 3. เกษตรศาสตร์ 4. สังคมศาสตร์ ศิลปศาสตร์ มนุษยศาสตร์และศึกษาศาสตร์ 5. ศิลปกรรมศาสตร์ สถาปัตยกรรมศาสตร์ และ 6. วิศวกรรมศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี
สำหรับโครงการทุนอุดมศึกษาเพื่อการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ระยะที่ 4 ปีการศึกษา 2567 (กลุ่มที่ 2 สำหรับนักเรียนที่สามารถสอบเข้าศึกษาในสถาบันอุดมศึกษาได้) เริ่มเปิดรับสมัครตั้งแต่บัดนี้ถึงวันที่ 7 ก.พ. 2568 จำนวนรวมทั้งสิ้น 249 ทุน สามารถสมัครขอรับทุนได้ ณ สถาบันอุดมศึกษาที่ผู้สมัครศึกษาอยู่ โดย อว. จะสนับสนุนทุนการศึกษาต่อเนื่องเพื่อเป็นค่าครองชีพ จำนวน 40,000 บาทต่อปีการศึกษา ซึ่งผู้รับทุนจะได้รับทุนการศึกษาตั้งแต่ภาคการศึกษาที่ 1 ปีการศึกษา 2567 เป็นต้นไป จนสำเร็จการศึกษาตามระยะเวลาการศึกษาของหลักสูตร โดยกลุ่มเป้าหมายของโครงการฯ คือ เยาวชนที่มีภูมิลำเนาในเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ในพื้นที่จังหวัด ปัตตานี ยะลา นราธิวาส สตูล และสงขลา 4 อำเภอ ได้แก่ อำเภอจะนะ เทพา นาทวี และสะบ้าย้อย ที่กำลังศึกษาระดับปริญญาตรีชั้นปีที่ 1 ในปีการศึกษา 2567 เป็นผู้ขาดแคลนทุนทรัพย์ มีความประพฤติดี มีผลการเรียนผ่านเกณฑ์ และศึกษาอยู่ในสถาบันอุดมศึกษาสังกัดกระทรวง อว. ในสาขาวิชาที่เป็นความต้องการหรือสาขาวิชาขาดแคลนของพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้

ที่มา : https://www.thaigov.go.th/news/contents/details/92424
Loading

0 comments on commit 9ec0e2f

Please sign in to comment.