Apply news

data/2025/01/01/ข่าวคณะโฆษก _1_ff703d4e-651c-478d-a6c0-19bfa1ce8675.txt

@@ -0,0 +1,13 @@
+รัฐบาลไทย-ข่าวทำเนียบรัฐบาล-ดีเดย์ วันนี้วันแรก 1 ม.ค. 68 รัฐบาลเดินหน้าแก้ไขปัญหาบัญชีม้านิติบุคคล เชื่อมโยงข้อมูลรายชื่อบุคคลที่มีความเสี่ยงสูงด้านการฟอกเงิน สกัดกั้นการเปิดบัญชีม้านิติบุคคล 
+
+
+วันพุธที่ 1 มกราคม 2568
+01/01/2568
+พิมพ์
+ดีเดย์ วันนี้วันแรก 1 ม.ค. 68 รัฐบาลเดินหน้าแก้ไขปัญหาบัญชีม้านิติบุคคล เชื่อมโยงข้อมูลรายชื่อบุคคลที่มีความเสี่ยงสูงด้านการฟอกเงิน สกัดกั้นการเปิดบัญชีม้านิติบุคคล
+ดีเดย์ วันนี้วันแรก 1 ม.ค. 68 รัฐบาลเดินหน้าแก้ไขปัญหาบัญชีม้านิติบุคคล เชื่อมโยงข้อมูลรายชื่อบุคคลที่มีความเสี่ยงสูงด้านการฟอกเงิน สกัดกั้นการเปิดบัญชีม้านิติบุคคล
+วันนี้ ( 1 ม.ค. 68) นายคารม พลพรกลาง รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ปัจจุบัน ปัญหาอาชญากรรมทางเศรษฐกิจในไทยอีกรูปแบบหนึ่ง คือ การฉ้อโกงจากมิจฉาชีพที่ใช้การจดทะเบียนจัดตั้งนิติบุคคลมาสร้างความน่าเชื่อถือไปหลอกลวงประชาชนและใช้ความคล่องตัวในการทำธุรกิจ โดยนำหลักฐานการจดทะเบียนนิติบุคคลไปเปิดบัญชีธนาคารมาใช้รับเงิน เพื่อหลบเลี่ยงการตรวจสอบทางการเงินจากธนาคาร ทำให้เกิดความเสียหายต่อทรัพย์สินและความเป็นอยู่ของประชาชนไทยเป็นอย่างมาก ซึ่งเป็นปัญหาเร่งด่วนที่รัฐบาลเร่งแก้ไข
+นายคารม กล่าวว่า รัฐบาลบูรณาการความร่วมมือจากทุกส่วนราชการต่าง ๆ เดินหน้าแก้ไขปัญหาบัญชีม้านิติบุคคลอย่างต่อเนื่อง เพื่อป้องปรามและปราบปรามการกระทำผิดอย่างจริงจัง โดยกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ได้ดำเนินการเชื่อมโยงข้อมูลรายชื่อบุคคลที่มีความเสี่ยงสูงด้านการฟอกเงิน (HR-03) กับสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) พร้อมออกคำสั่งการจดทะเบียนจัดตั้งนิติบุคคล หากมีชื่อหุ้นส่วนผู้จัดการ หรือกรรมการ ที่ระบุในคำขอ เป็นบุคคลที่มีชื่อในข้อมูล HR-03 จะชะลอการจดทะเบียนไว้ก่อน และให้บุคคลนั้นมาแสดงตน และแสดงหลักฐาน หากไม่มา จะปฏิเสธไม่รับจดทะเบียนทันที โดยเริ่มบังคับใช้ 1 มกราคม 2568 เพื่อสกัดกั้นการเปิดบัญชีม้านิติบุคคล
+“การออกคำสั่งดังกล่าว เป็นอีกหนึ่งมาตรการ ที่จะช่วยสกัดกั้นตั้งแต่ต้นทาง ไม่ให้มิจฉาชีพเข้ามาแสวงหาประโยชน์กับการจดทะเบียนจัดตั้งนิติบุคคล อีกทั้งการเชื่อมโยงข้อมูลและลงพื้นที่ตรวจสอบกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและหน่วยงานที่มีผลบังคับใช้กฎหมายในการจับกุม อย่างกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) เพื่อช่วยกันยับยั้งไม่ให้คนกลุ่มนี้ทำลายระบบเศรษฐกิจของไทยและประชาชนคนไทย” นายคารม ระบุ
+
+ที่มา : https://www.thaigov.go.th/news/contents/details/91907

data/2025/01/01/ข่าวคณะโฆษก _2_354301de-a549-4182-90b9-573e0e6bfb21.txt

@@ -0,0 +1,17 @@
+รัฐบาลไทย-ข่าวทำเนียบรัฐบาล-นายกฯ เป็นประธานทำบุญตักบาตร เทศกาลปีใหม่ ที่ทำเนียบรัฐบาลเช้าวันพรุ่งนี้ 
+
+
+วันพุธที่ 1 มกราคม 2568
+01/01/2568
+พิมพ์
+นายกฯ เป็นประธานทำบุญตักบาตร เทศกาลปีใหม่ ที่ทำเนียบรัฐบาลเช้าวันพรุ่งนี้
+นายกฯ เป็นประธานทำบุญตักบาตร เทศกาลปีใหม่ ที่ทำเนียบรัฐบาลเช้าวันพรุ่งนี้
+วันนี้ (1 ม.ค. 68) นายจิรายุ ห่วงทรัพย์โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยว่า คืนวานนี้  (31 ธ.ค. 67) มีประชาชนร่วมกิจกิจกรรมสวดมนต์ข้ามปีกันอย่างเนืองแน่น โดยเฉพาะที่ท้องสนามหลวงกว่าหมื่นคน นอกจากนี้ ยังมีผู้ร่วมกิจกรรมสวดมนต์ข้ามปีทั้งแบบ online และ onsite โดยมีการถ่ายทอดสัญญาณภาพงานสวดมนต์ข้ามปี เชื่อมโยงการจัดกิจกรรมสวดมนต์ข้ามปีในส่วนภูมิภาคของประเทศไทยและต่างประเทศ ผ่านทางสถานีวิทยุโทรทัศน์และช่องทางอื่น ๆ
+คาดว่ามีจำนวนผู้ร่วมกิจกรรมสวดมนต์ข้ามปีกว่า 12 ล้านคน
+สำหรับกิจกรรมทำบุญตักบาตร เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ณ ท้องสนามหลวง พบว่ามีประชาชนร่วมกิจกรรมเป็นจำนวนมาก กิจกรรมที่จัดขึ้นในห้วงเวลาดังกล่าว ถือว่าประชาชนให้การตอบรับเป็นอย่างดี
+นายจิรายุกล่าวต่อว่า ในวันพรุ่งนี้ (2 ม.ค. 68) นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และคู่สมรส จะเป็นประธานในพิธีทำบุญเนื่องในโอกาสวันขึ้นปีใหม่พุทธศักราช 2568 ณ ตึกสันติไมตรี (หลังนอก) ทำเนียบรัฐบาล
+ทั้งนี้ รัฐบาลขอเชิญชวนประชาชนเข้าร่วมสักการะพระบรมสารีริกธาตุ (พระเขี้ยวแก้ว) ที่มณฑลพิธีท้องสนามหลวง ไปจนถึงวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2568
+"เนื่องในโอกาสวันขึ้นปีใหม่ 2568 ขออาราธนาคุณพระศรีรัตนตรัยและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย อำนวยพรให้ทุกท่านประสบความสำเร็จ มีสุขภาพแข็งแรง  ตลอดปี และตลอดไปครับ" นายจิรายุกล่าว
+//////
+
+ที่มา : https://www.thaigov.go.th/news/contents/details/91908

data/2025/01/01/ข่าวคณะโฆษก _3_cdba2359-c12c-46df-a8e2-e214da36df3b.txt

@@ -0,0 +1,14 @@
+รัฐบาลไทย-ข่าวทำเนียบรัฐบาล-ปีใหม่แล้ว..วัยรุ่น..    รัฐบาลชวนเปลี่ยนเงินซื้อบุหรี่ไฟฟ้าเป็นเงินออม สร้างรากฐานที่มั่นคงของครอบครัวในอนาคต
+
+
+วันพุธที่ 1 มกราคม 2568
+01/01/2568
+พิมพ์
+ปีใหม่แล้ว..วัยรุ่น..    รัฐบาลชวนเปลี่ยนเงินซื้อบุหรี่ไฟฟ้าเป็นเงินออม สร้างรากฐานที่มั่นคงของครอบครัวในอนาคต
+ปีใหม่แล้ว..วัยรุ่น.. รัฐบาลชวนเปลี่ยนเงินซื้อบุหรี่ไฟฟ้าเป็นเงินออม สร้างรากฐานที่มั่นคงของครอบครัวในอนาคต เผยวัยรุ่นกว่าครึ่งได้เงินซื้อบุหรี่ไฟฟ้าจากครอบครัว สูญเสียเงินซื้อสูงปีละ 26,944 บาท เฉลี่ยเดือนละ 2,245 บาท
+นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดผลสำรวจพฤติกรรมการใช้ “บุหรี่ไฟฟ้า” ของเด็กและเยาวชนไทย พบกว่าครึ่งได้เงินซื้อบุหรี่ไฟฟ้าจากครอบครัว สูญเสียเงินซื้อสูงปีละ 26,944 บาท เฉลี่ยเดือนละ 2,245 บาท ห่วงตัวละครผู้ทรงอิทธิพลออนไลน์มีผลต่อการตัดสินใจ
+รัฐบาล โดยสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ร่วมกับสถาบันยุวทัศน์แห่งประเทศไทย (ยท.) ชวนวัยรุ่นไทยเริ่มต้นปีใหม่นี้ เปลี่ยนเงินซื้อบุหรี่ไฟฟ้าเป็นเงินออม ชี้ 30 ปี ได้เงินเก็บถึง 1.8 ล้านบาท ทั้งนี้ จากผลสำรวจการบริโภคผลิตภัณฑ์ยาสูบในเยาวชนไทยปี 2565 พบว่า สูบบุหรี่ไฟฟ้าเพิ่มสูงขึ้นจาก 3.3% เป็น 17.6% หรือเพิ่มขึ้น 5.3 เท่า
+นายอนุกูลกล่าวว่า ผลสำรวจกลุ่มตัวอย่างเด็กและเยาวชนใน กทม. จำนวน 400 ตัวอย่าง อายุระหว่าง 13-24 ปี ซึ่งเป็นผู้ใช้บุหรี่ไฟฟ้าทั้งหมด พบข้อมูลที่น่าสนใจว่า 56.5% ได้รับเงินจากบิดา มารดา หรือผู้ปกครอง 87.75% มีรายได้ระหว่าง 500-2,000 บาท/สัปดาห์ สำหรับเงินที่นำมาซื้อบุหรี่ไฟฟ้าส่วนใหญ่ 54.50% ได้จากบิดา มารดา หรือผู้ปกครอง ใช้เงินซื้อบุหรี่ไฟฟ้าเฉลี่ยสูงถึงปีละ 26,944 บาท หรือเดือนละ 2,245 บาท 73% ใช้เงินซื้อบุหรี่ไฟฟ้า 501-1,000 บาท/สัปดาห์ นอกจากนี้ ยังพบว่า การที่หน่วยงานหรือองค์กรที่มีหน้าที่กำกับกิจการภาพยนตร์หรือละครทางโทรทัศน์หรือสื่อสังคมออนไลน์ปล่อยให้มีตัวละครในภาพยนตร์หรือผู้ทรงอิทธิพลบนโลกออนไลน์สูบบุหรี่ไฟฟ้า จะมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจสูบบุหรี่ไฟฟ้ามากถึงมากที่สุด 16.25% และปานกลาง 38.25% เมื่อรวมกันแล้วคิดเป็น 54.50% ตอกย้ำได้ว่า สื่อบุคคลอย่างผู้ทรงอิทธิพลบนโลกออนไลน์หรือตัวละครในภาพยนตร์มีผลต่อการตัดสินใจของเด็กและเยาวชน
+“รัฐบาล เห็นความสำคัญของการวางแผนทางด้านการเงินของคนรุ่นใหม่และการมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง จึงขอใช้โอกาสเนื่องในวันขึ้นปีใหม่ 2568 เชิญชวนเด็กและเยาวชนไทยเริ่มต้นคนใหม่ ในปีใหม่ ตามแนวคิด “Happy New Life” คือ มีความสุขในชีวิตทั้งมิติสุขภาพและมิติทางด้านการเงิน ด้วยการเปลี่ยนเงินที่ซื้อบุหรี่หรือบุหรี่ไฟฟ้าและสินค้าที่ไม่จำเป็นต่อร่างกายมาเป็นเงินออมและลงทุนเพื่อสร้างรากฐานที่มั่นคงของครอบครัวในอนาคตต่อไป” นายอนุกูล ระบุ
+
+ที่มา : https://www.thaigov.go.th/news/contents/details/91910