-
Notifications
You must be signed in to change notification settings - Fork 1
Commit
This commit does not belong to any branch on this repository, and may belong to a fork outside of the repository.
- Loading branch information
1 parent
a022c01
commit 0ce0152
Showing
39 changed files
with
595 additions
and
1 deletion.
There are no files selected for viewing
14 changes: 14 additions & 0 deletions
14
data/2025/01/02/ข่าวคณะโฆษก _1_1db8c520-b4db-49f8-9481-7e06b09cc41e.txt
This file contains bidirectional Unicode text that may be interpreted or compiled differently than what appears below. To review, open the file in an editor that reveals hidden Unicode characters.
Learn more about bidirectional Unicode characters
Original file line number | Diff line number | Diff line change |
---|---|---|
@@ -0,0 +1,14 @@ | ||
รัฐบาลไทย-ข่าวทำเนียบรัฐบาล-รัฐบาลคุมเข้ม “แม่สอด” จ.ตาก เฝ้าระวังอหิวาฯ “ศศิกานต์”ย้ำ กินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือ วาง 6 มาตรการเข้ม ขอผู้ประกอบการเข้มงวดความสะอาดตามหลักสุขาภิบาล | ||
|
||
|
||
วันพฤหัสบดีที่ 2 มกราคม 2568 | ||
02/01/2568 | ||
พิมพ์ | ||
รัฐบาลคุมเข้ม “แม่สอด” จ.ตาก เฝ้าระวังอหิวาฯ “ศศิกานต์”ย้ำ กินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือ วาง 6 มาตรการเข้ม ขอผู้ประกอบการเข้มงวดความสะอาดตามหลักสุขาภิบาล | ||
รัฐบาลคุมเข้ม “แม่สอด” จ.ตาก เฝ้าระวังอหิวาฯ “ศศิกานต์”ย้ำ กินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือ วาง 6 มาตรการเข้ม ขอผู้ประกอบการเข้มงวดความสะอาดตามหลักสุขาภิบาล | ||
วันนี้ (2 มกราคม 2568) นางสาวศศิกานต์ วัฒนะจันทร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า จากกรณีพบผู้ป่วย ติดเชื้อ “อหิวาตกโรค” ในพื้นที่เขตเทศบาลแม่สอด จังหวัดตาก รัฐบาลโดยสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดตาก กระทรวงสาธารณสุข เปิดศูนย์ปฏิบัติการฯ เฝ้าระวังและควบคุมโรคอย่างใกล้ชิด ล่าสุดสถานการณ์ผู้ป่วยในพื้นที่สามารถควบคุมได้เป็นอย่างดีแล้ว ปัจจุบันมีผู้ป่วยสะสม 4 ราย แบ่งเป็นชาวต่างชาติ 2 ราย คนไทย 2 และมีผู้ป่วยที่ติดเชื้อไม่มีอาการ 3 ราย ซึ่งผู้ป่วยทั้งหมดได้รับการรักษาจนหายดีแล้ว และไม่มีผู้เสียชีวิตจากสถานการณ์ดังกล่าว | ||
นางสาวศศิกานต์ กล่าวว่า แม้ว่าสถานการณ์ในพื้นที่จังหวัดตากจะอยู่ในการควบคุมแล้ว แต่ยังต้องมีการเฝ้าระวังป้องกันอหิวาตกโรคอย่างต่อเนื่อง โดย WHO “องค์การอนามัยโลก” ได้มีการประกาศ “อหิวาตกโรค” ถือเป็นภาวะฉุกเฉินใหญ่ หลังพบมีผู้ป่วยเพิ่มขึ้นในหลายประเทศ ทั้งนี้ เพื่อให้มีความตระหนักและร่วมกันป้องกันการแพร่ระบาดและติดต่อของโรค โดยเฉพาะในพื้นที่เสี่ยงจังหวัดตาก ที่มีพื้นที่อยู่ติดชายแดน ชเวโก๊กโก่ ประเทศเมียนมา กระทรวงสาธารณสุข ได้กำหนดมาตรการเพื่อป้องกันโรค ดังนี้ | ||
1.เจ้าของตลาดทุกประเภททุกแห่ง ให้ล้างตลาด ห้องสุขา ตามหลักการสุขาภิบาล รวมทั้งให้มีการฆ่าเชื้อทุกวัน และให้เจ้าของประกอบการร้านอาหาร เครื่องดื่ม รถเข็น หาบเร่ แผงลอยทุกชนิดดำเนินการตามหลักการสุขาภิบาล ปฏิบัติตามสุขลักษณะของสถานที่จำหน่ายอาหาร รวมถึงผู้สัมผัสอาหารทุกคน 2.หน่วยงานราชการ โรงเรียน ศาสนสถาน องค์กร เอกชน ผู้รับผิดชอบห้องสุขาสาธารณะ ให้ล้างทำความสะอาดห้องสุขาตามหลักการสุขาภิบาล รวมทั้งให้มีการฆ่าเชื้อทุกวัน 3.หน่วยงาน องค์กร เอกชน ผู้รับผิดชอบระบบประปา ให้ปรับปรุงคุณภาพน้ำประปาตามมาตรฐาน โดยกำหนดให้มีค่าคลอรีนอิสระคงเหลือในน้ำต้นท่อจ่ายไม่น้อยกว่า 1.0 มิลลิกรัมต่อลิตร (ppm) ปลายท่อจ่าย ไม่น้อยกว่า 0.5 มิลลิกรัมต่อลิตร (ppm) 4.ให้ผู้ที่เป็นหรือมีเหตุอันสมควรสงสัยติดเชื้ออหิวาตกโรค มารับการตรวจคัดกรองหรือรักษา จนกว่าจะพ้นระยะติดต่อของโรค 5.ให้เจ้าของ ผู้ครอบครอง หรือผู้พักอาศัยในบ้าน โรงเรือน สถานที่ เช่น ร้านอาหารและเครื่องดื่ม สถานที่ผลิตน้ำดื่ม/น้ำแข็ง ที่มีอหิวาตกโรคเกิดขึ้นหรือมีเหตุว่าปนเปื้อนเชื้อ ให้ความร่วมมือกับเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อในการตรวจคัดกรองโรคและกำจัดเชื้อ หรือทำลายเชื้อ และ 6.ขอความร่วมมือหน่วยงานราชการ นายอำเภอ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้นำชุมชน และเครือข่ายภาคประชาชน สื่อสารข้อมูลความรู้การป้องกัน การปฏิบัติตัว ให้กับประชาชนในพื้นที่ โดยเน้นการประชาสัมพันธ์ทุกช่องทาง | ||
“รัฐบาลห่วงใยสุขภาพประชาชน ขอให้ประชาชนดูแลตัวเอง แนะนำให้ล้างมืออย่างสม่ำเสมอและขอให้ยึดหลัก “กินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือ” และขอให้ผู้ประกอบการอาหารมีความเข้มงวดในเรื่องของความสะอาดและสุขอนามัยในการนำวัตถุดิบที่นำมาปรุงสุก” นางสาวศศิกานต์ กล่าว | ||
|
||
ที่มา : https://www.thaigov.go.th/news/contents/details/91954 |
14 changes: 14 additions & 0 deletions
14
data/2025/01/02/ข่าวทำเนียบรัฐบาล _1_4734d353-b9b8-4190-a10b-912afdf4115c.txt
This file contains bidirectional Unicode text that may be interpreted or compiled differently than what appears below. To review, open the file in an editor that reveals hidden Unicode characters.
Learn more about bidirectional Unicode characters
Original file line number | Diff line number | Diff line change |
---|---|---|
@@ -0,0 +1,14 @@ | ||
รัฐบาลไทย-ข่าวทำเนียบรัฐบาล-“หมอมิงค์“ เลขาธิการนายกฯ ระบุรัฐบาลกดคันเร่งเครื่องยนต์ กระตุ้นลงทุน 5 อุตฯ แห่งอนาคตเต็มที่ มั่นใจไทยเป็นศูนย์กลางลงทุนนับจากนี้แน่นอน | ||
|
||
|
||
วันพฤหัสบดีที่ 2 มกราคม 2568 | ||
“หมอมิงค์“ เลขาธิการนายกฯ ระบุรัฐบาลกดคันเร่งเครื่องยนต์ กระตุ้นลงทุน 5 อุตฯ แห่งอนาคตเต็มที่ มั่นใจไทยเป็นศูนย์กลางลงทุนนับจากนี้แน่นอน | ||
ขณะที่นายกฯ สั่งกระทรวงที่เกี่ยวข้องต้องลดขั้นตอน พร้อมเพิ่มศักยภาพให้นักลงทุนได้ง่ายและมีแรงจูงใจมากขึ้น | ||
วันนี้ (วันพฤหัสบดีที่ 2 มกราคม 2568) นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายแพทย์ พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ได้กล่าวสรุปถึงนโยบายในปีใหม่นี้ ที่รัฐบาลตั้งใจดำเนินการให้เป็นรูปธรรม เพื่อทำให้เศรษฐกิจไทยกลับมาฟื้นตัวและเดินหน้าเพิ่มจีดีพีให้สูงขึ้นกว่า 3% โดยเฉพาะแผนดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศของในปีใหม่นี้ที่วางเป้าหมายที่กดคันเร่งเครื่องยนต์เศรษฐกิจ เดินหน้าเต็มที่ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศไทย โดยตั้งเป้า 5 กลุ่มธุรกิจการลงทุนที่สำคัญคือ อุตสาหกรรมแห่งอนาคต (Future Industries) ได้แก่ การลงทุนด้านศูนย์ธุรกิจดาต้าเซ็นเตอร์เอไอขนาดใหญ่ (Data Center) ยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ระบบเกษตรแม่นยำ และอุตสาหกรรมอาหารที่ใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ หรือ Food Technology | ||
เลขาธิการนายกรัฐมนตรียืนยันว่าการลงทุนของภาครัฐในปีนี้จะมีมูค่าสูงกว่า7-8 แสนล้านบาท โดยมี 3กระทรวงหลักที่เกี่ยวข้อง และต้องให้การสนับสนุนนักลงทุนคือ กระทรวงคมนาคม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และอีกหลายกระทรวงที่พร้อมเดินหน้าตามนโยบายของรัฐบาลในการปรับปรุง แก้ไขกฎระเบียบเพื่ออำนวยความสะดวกในการลงทุนของนักลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศอีกด้วย | ||
สำหรับการลงทุนของกลุ่ม Future Industries นั้น นอกจากนโยบายที่รัฐบาลจะตั้งเป้าดึงดูดการลงทุนในห่วงโซ่อุปทาน หรือการลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง (supply chain) ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนในด้าน Data Center จากบริษัทยักษ์ใหญ่ที่มาลงทุนในไทยแล้ว เช่น AWS, Google, Microsoft, Huawei ไปจนถึงการพัฒนาระบบนิเวศ ซึ่งจะทำให้ไทยเป็นฐานการผลิต AI และจะเป็นอนาคตของโลก ยังจะกระตุ้นการลงทุนจากกลุ่มอุตสาหกรรม Semiconductor ควบคู่ไปกับการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ และการวิจัยและพัฒนา (R&D) อีกด้วย | ||
“รัฐบาลจะปรับปรุง แก้ไข และออกกฎระเบียบ เพื่ออำนวยความสะดวก รองรับการลงทุนทั้งจากต่างประเทศและภายในประเทศ โดยนายกรัฐมนตรี นางสาวแพทองธารให้ความสำคัญกับอุปสรรคที่จะต้องเร่งขจัดปัญหา ไม่ว่าจะเป็นกฎระเบียบหรือกฎหมายที่เก่าล้าสมัยไม่ทันต่อสถานการณ์ในโลกปัจจุบันของการลงทุน หรือประกอบธุรกิจ (Ease of doing Business) ซึ่งนโยบายของรัฐบาล มีเป้าหมายที่จะอำนวยความสะดวก และสร้างแรงขับเคลื่อนการลงทุนและเพิ่มการเติบโตทางเศรษฐกิจ อาทิ การดำเนินการออกใบอนุญาตต่างๆ ที่มีขั้นตอนน้อยลงและง่ายขึ้น รวมถึงการลดระยะเวลาในการขอรับการส่งเสริมการลงทุน ให้รวดเร็วและมีสิทธิประโยชน์ที่ดึงดูดนักลงทุนให้มากขึ้น เป็นต้น“ | ||
เลขาธิการนายกรัฐมนตรีกล่าวต่อไปว่า ประเทศไทยมีภูมิศาสตร์ที่ตั้งอยู่ใจกลางภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ซึ่งเหมาะที่จะเป็นศูนย์กลางทางด้านโลจิสติกส์ การค้าและการแลกเปลี่ยน และการเชื่อมโยงในทุกๆ ด้านของภูมิภาค ทั้งนี้รัฐบาลได้ดำเนินนโยบายในการรักษาจุดยืนของการไม่เป็นส่วนหนึ่งของความขัดแย้งระหว่างประเทศ และมุ่งมั่นที่จะเป็น “ผู้ส่งเสริมสันติภาพและความมั่งคั่งร่วมกัน” (Active Promoter of Peace and Common Prosperity) ซึ่งจะทำให้ไทยเป็นพื้นที่ของโอกาส ที่ดึงดูดแรงงานทักษะสูง ผู้ประกอบการและนักลงทุนกลุ่มเป้าหมายเข้ามาเพื่อส่งเสริมการเจริญเติบโตของเศรษฐกิจไทย” | ||
ขณะที่นายจิรายุ กล่าวว่า ปีใหม่นี้รัฐบาลจะเดินหน้ากระตุ้นเศรษฐกิจ สร้างรายได้ สร้างโอกาสให้กับประชาชนในประเทศ พร้อมกำหนดนโยบายต่างๆ ในการเตรียมรับมือกับความท้าทายและความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต โดยหนึ่งในเครื่องยนต์สำคัญทางเศรษฐกิจของไทยอย่างการท่องเที่ยว คาดการณ์ว่าจะกลับมาฟื้นตัว สร้างรายได้ให้กับประเทศด้วยมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวในรูปแบบต่างๆ ของรัฐบาลนับจากนี้ในทุกมิติที่จะเป็นแรงกระตุ้นทั้งการท่องเที่ยวภายในประเทศและจากนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศ โดยรัฐบาลมั่นใจว่าจะมีตัวเลขทั้งยอดนักท่องเที่ยวไทย และนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศ รวมทั้งกิจกรรมใหม่ๆ ที่รัฐบาลจะส่งเสริมให้การท่องเที่ยวไทยเที่ยวได้ทั้งปี ไม่มีโลซีซั่น โดยมั่นใจว่ามูลค่าจะสูงขึ้นกว่าปีที่ผ่านมาอย่างแน่นอน | ||
|
||
ที่มา : https://www.thaigov.go.th/news/contents/details/91950 |
Oops, something went wrong.